สำหรับวัยรุ่นยุค 90 ตัวจริงเสียงจริง หนึ่งในหนังที่ครองใจและมีคนดูซ้ำเป็นสิบ ๆ รอบในโรงภาพยนตร์ และคิดว่าอีกหลายสิบรอบเมื่อหนังออกจากโรงและวางขายในรูปแบบ DVD จนกลายเป็นหนังรักคลาสสิคของผู้คน ที่แม้ว่าจะหยิบมาดูเมื่อไร ก็สามารถครองใจคนทุกยุคทุกสมัย วันนี้เราจะมาดูกันว่า ทำไมไททานิคถึงได้ขึ้นแท่นเป็นหนังคลาสสิคในปัจจุบัน บทภาพยนตร์ที่กลมกล่อม มีทุกรส ซึ้งกินใจ เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า บทภาพยนตร์ที่เขียนมาอย่างละเอียดลออ มีครบทุกรส ช่วยทำให้ทุกอย่างกลมกล่อม และซึ้งกินใจ เราแทบจะไม่ตั้งคำถามเลยว่า ทำไมโรส คุณหนูตระกูลผู้ดีถึงได้มาตกหลุมรักผู้ชายที่ไม่มีอะไรอย่างแจ็ค แถมยังสลัดหนุ่มหล่อบ้านรวยไปอย่างไม่ลังเล และเราก็ลุ้นความรักของทั้งสองคนกันแบบสุด ๆ เรียกว่าอินกับความรู้สึกของแจ็คกับโรสกันทุกคนทีเดียว นอกจากนี้บทภาพยนตร์ยังแทรกเรื่องชนชั้นที่เด่นชัดมาก ความเป็นอภิสิทธิ์ชนของชนชั้นสูงที่มีแม้แต่ในนาทีสุดท้ายที่เรือกำลังจะจมลงสู่ท้องทะเล ฉากสมจริงอลังการ การสร้างฉากน้ำทะลักเข้ามาในเรือ ฉากเรือล่ม ล้วนแต่เป็นฉากที่สวยงามตระการตา กินใจผู้ชมจำนวนมาก แถมยังสามารถเล่าเรื่องต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องมีบทพูดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้รายละเอียดของฉากต่าง ๆ ก็ทำได้สวยงามตระการตา และอ้างอิงจากเรือจริง เรียกว่าหากว่าใครพูดถึงไททานิคก็ต้องพูดถึงหนังฟอร์มยักษ์ที่มีฉากอลังการอย่างแน่นอน นักแสดงเล่นดี เข้าถึงบทบาท เพลงประกอบเยี่ยม ไม่ใช่แค่บทพระ-นางเท่านั้น แต่นักแสดงทุกคนสามารถแสดงสีหน้า แววตา และความรู้สึกได้อย่างดีเยี่ยม ไม่เว้นแม้แต่ตัวประกอบ ทำให้เราสามารถอินกับทุกตัวละครได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ เพลงประกอบของเรื่องก็กลายเป็นตัวชูโรงที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แม้ว่าไททานิคจะถูกสร้างและฉายมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว…
จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันรูปแบบการทำงานได้มีการเปลี่ยนแปลงไปมากกว่าเมื่อก่อน โดยไม่จำเป็นต้องถูกจำกัดอยู่เพียงแค่การทำงานในออฟฟิศเท่านั้น แต่แค่มีโน้ตบุ๊กที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย สะดวก รวมถึงมีโปรแกรมพื้นฐานสำหรับการทำงานครบ ก็สามารถทำงานแบบ Work From Anywhere ได้ง่าย ๆ แล้ว แต่ยิ่งยุคสมัยเปลี่ยน เทคโนโลยีก็ได้มีการพัฒนาโน้ตบุ๊กธรรมดาเป็นรูปแบบ iPad จอทำงานขนาดเล็กที่สามารถทำงาน On board ได้เลย ซึ่งทำให้เป็นที่นิยมและหลายคนได้เลือกใช้กันมากขึ้น แต่สำหรับการทำงานแล้วผ่านไอแพด คงต้องมีอุปกรณ์เสริมอย่าง MOFT ขาตั้งไอแพด ซึ่งจะช่วยให้เราเห็นภาพผ่านหน้าจอได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงยังมีข้อดีอีกมากมายที่หลายคนยังไม่รู้ วันนี้จะพาทุกคนที่ลังเลใจว่าจะซื้อ MOFT ขาตั้งไอแพดดีไหม ตามมาดูกันได้ที่เลย ช่วยให้ทำงานได้สะดวกขึ้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า อุปกรณ์เสริมอย่างไอแพด เป็นสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านการทำงานให้คล่องตัวขึ้นได้ ซึ่งหากเลือกใช้ MOFT ขาตั้งไอแพด ซึ่งมีคุณสมบัติแข็งแรง ที่สามารถปรับเอียง หมุน รวมถึงระดับความสูงได้ตามความเหมาะสม ช่วยให้คุณใช้งานไอแพดได้คล่องตัวมากขึ้น ช่วยลดอาการออฟฟิศซินโดรม รู้หรือไม่ ปัญหาสุขภาพออฟฟิศซินโดรมสามารถเกิดขึ้นได้ง่าย หากเลือกใช้อุปกรณ์ที่มีองศาไม่ถูกต้อง สำหรับคนที่ใช้ไอแพดทำงานเป็นประจำในทุกวัน การเลือกใช้ MOFT ขาตั้งไอแพดที่สามารถปรับทิศทางและความสูงได้ตรงกับสรีระ ทำให้ลดอาการบาดเจ็บและความเสี่ยงในการเป็นออฟฟิศซินโดรมได้ มีดีไซน์สวย เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ สำหรับคนที่อยากได้ ขาตั้งไอแพดสวย ๆ…
ในยุคปัจจุบัน ความเครียด ความเหนื่อยล้า จากงาน สภาวะ และเหตุการณ์รอบตัว เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายในทุกๆ รู้อีกทีก็กลายเป็น ความเครียดสะสมซะแล้ว นี่เลยเป็นเหตุผลนึงที่ เกิด workshop ที่ใช้ศิลปะมาบำบัจิตใจ ความเครียดให้เลือกทำมากขึ้น เพราะ ทางจิตวิทยาแล้ว ศิลปะถือว่า เป็น อีก 1 วิธีการเยียวยา รักษาจิตใจ ของผุ้ป่วย เนื่องจาก ศิลปะ เป็นสื่อกลางในการ สื่อสาร ถ่ายทอดสิ่งที่ไม่สามารถ พูดออกมาเป็นคำพูดได้ workshop เหล่านี้ ก็ ก็มีจุดประสงค์ที่คล้ายกัน ดังนั้นวันนี้เราเลย อยากชวนทำ 3 กิจกรรมศิลปะ ฮีลใจที่สามารถทำได้ในวันหยุด มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง วาดรูป หากพูดถึง ศิลปะบำบัดอย่างแรกที่หลายคนนึกถึง คงจะหนีไม่พ้นการวาดรูป ซึ่ง การวาดรูปนั้นถือเป้น 1 ในศิลปะบำบัดรูปแบบแรก ทีจิตแพทย์นิยม นำมาใช้กับคนไข้ เพราะ การวาดรูปเป็น การสะท้อนความคิด ปัญหา ที่อยู่ในใจลึกๆ ที่อาจจะสื่อสารด้วยคำพูดได้ยาก ออกมาได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยที่ไม่ต้องพยายามสื่อสารด้วยคำพูดให้กดดัน ดังนั้นการใช้เวลาพักผ่อน ด้วยการปล่อยใจไปกับการวาดรูป…
ทักษะการเป็นผู้นำที่จะทำให้คุณกลายเป็นที่รักของลูกน้องนั้น เป็นสิ่งที่คุณสามารถฝึกฝนกันได้แต่อาจจะต้องอาศัยความตั้งใจบวกกับความอดทนของตัวเองกันสักนิดหนึ่ง ซึ่งทักษะการเป็นผู้นำที่เรากำลังจะกล่าวต่อไปนี้ มันจะทำให้การทำงานของคุณราบรื่นและพบเจอกับความสุขในการทำงานมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราไปดูกันดีกว่าว่า 4 ทักษะการเป็นผู้นำที่สำคัญมันมีอะไรบ้าง!
คอนกรีตถือว่าเป็นวัสดุพื้นฐานในงานก่อสร้างที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี สมัยก่อนช่างจะผสมคอนกรีตเอง ซึ่งต้องเสียเวลานานและอาจเกิดความผิดพลาดได้ ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีการผลิตเจริญขึ้น ทำให้มีคอนกรีตผสมเสร็จขึ้นมา การเทพื้นคอนกรีตให้จึงทำได้ง่ายขึ้น คอนกรีตผสมเสร็จซีแพคคือหนึ่งในตัวเลือกต้นๆ ของช่างก่อสร้าง เพราะใช้แล้วงานเรียบสวย ทนทาน แห้งไว และสำหรับช่างมือใหม่ เราอยากแนะนำวิธีเทพื้นคอนกรีตที่วางบนดิน(Slab on Ground) ซึ่งเป็นงานทั่วไปที่อาจเกิดความเสียหายได้ตลอดเวลามาฝากกัน เพื่อให้ได้พื้นที่สวยและแข็งแรง เริ่มจากการเตรียมพื้น บดอัดดินให้แน่นเพื่อลดการทรุดตัวของดินในภายหลัง จากนั้นรองด้วยทรายแล้วบดอีกครั้ง กรณีที่เป็นพื้นภายในอาคารให้ปูด้วยแผ่นพลาสติกเพื่อป้องกันความชื้นจากชั้นดิน จากนั้นคำนวณปริมาณคอนกรีตจากพื้นที่จริงด้วย ความกว้าง x ความยาว x ความหนา แล้วทาน้ำมันทาแบบเพื่อป้องกันคอนกรีตติดกับแบบ จากนั้นเทคอนกรีตเป็นแนวยาวให้เสร็จเป็นแนวๆ ไป กรณีที่พื้นที่มีขนาดใหญ่ ควรกำหนดรอยต่อด้วยการแบ่งพื้นที่ออกเป็นชิ้นๆ เทเสร็จให้จี้เขย่าคอนกรีตเพื่อลดการเกิดโพรงและฟองอากาศ ห้ามผสมน้ำหรือเติมน้ำระหว่างเท เพราะจะทำให้ความแข็งแรงของคอนกรีตผสมเสร็จซีแพคลดลง หลังจากเทคอนกรีตแล้วก็เริ่มแต่งผิวให้เหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งจะทำได้ช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับฤดูกาล ในหน้าร้อนจะแต่งผิวได้เร็ว ส่วนหน้าฝนกับหน้าหนาวจะทำได้ช้าลง การแต่งผิวมี 2 แบบ แบบแรกคือ การขัดหยาบโดยใช้เกรียงไม้ เหมาะกับงานที่ไม่ต้องการผิวเรียบลื่น และการขัดมันโดยใช้เกรียงเล็ก ในกรณีที่ต้องการความเรียบ สวยงาม เมื่อแต่งผิวคอนกรีตผสมเสร็จซีแพคเสร็จให้บ่มคอนกรีตทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำในคอนกรีตระเหยออกเร็วเกินไปและเนื้อคอนกรีตมีความแข็งแรงมากขึ้นโดยใช้วิธีเอาแผ่นพลาสติกหรือกระสอบชื้นคลุม หรือพ่นน้ำให้ชุ่ม หรือขังน้ำ ซึ่งต้องบ่มอย่างน้อย 7 วัน จึงจะเปิดใช้งานได้
การตรวจภายในเพื่อหาสาเหตุของการเกิดโรคเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างมาก เพราะเราจะได้ทำการวินิจฉัยและรักษาป้องกันโรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที ซึ่งในปัจจุบันก็มีโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำทั่วไปเปิดให้บริการตรวจวินิจฉัย โดยมีหมอตรวจภายในที่มีความสามารถและความรู้ประสบการณ์เฉพาะทางโดยตรงอยู่มากมาย อย่างหมอตรวจภายในที่ชลบุรีที่มีฝีมือ และประจำอยู่ตามโรงพยาบาลชั้นนำในชลบุรีกันอยู่หลายแห่ง วันนี้เราก็เลยอยากขออาสามาแนะนำ 3 โรงพยาบาลชั้นนำระดับมาตรฐานที่มีหมอตรวจภายในที่ชลบุรีมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกัน ซึ่งจะมีที่ไหนอะไรบ้าง ตามไปดูกันได้เลย ขอบคุณภาพจาก samitivejhospitals.com คลินิกสูติ-นรีเวช โรงพยาบาลเอกชล มาเริ่มกันที่โรงพยาบาลชั้นนำอันดับแรกกับ โรงพยาบาลเอกชลที่มีคลินิกสูติ-นรีเวช เปิดให้บริการตรวจภายใน และบริการอื่นๆ อย่างครบครัน โดยทางโรงพยาบาลจะมีทีมแพทย์ที่คอยให้ความดูแลด้านการคุมกำเนิด และให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลตนเองและความผิดปกติของระบบการทำงานภายในร่างกายของสุภาพสตรี รวมไปถึงการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่สามารถพบได้บ่อยในเพศหญิง ไปจนถึงการดูแลสตรีวัยทองที่ได้มาตรฐานระดับชั้นนำจนได้ขึ้นชื่อว่ามีหมอตรวจภายในที่ชลบุรีที่คนส่วนใหญ่แนะนำและบอกกันปากต่อปากเป็นอย่างมากเลยก็ว่าได้ ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลสมิติเวชชลบุรี โรงพยาบาลสมิติเวชชลบุรีเปิดให้บริการผู้ป่วยที่ต้องการตรวจภายในที่ศูนย์สุขภาพสตรี โดยทีมแพทย์และบุคคลากรผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรมเฉพาะทางมาโดยตรง รวมไปถึงการใช้อุปกรณ์และเครื่องตรวจที่ผสมผสานการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ๆ มาใช้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องแม่นยำ และทำให้คนไข้สามารถวางใจในความปลอดภัยและการให้บริการได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ทีมแพทย์ยังพร้อมให้คำปรึกษาและตอบทุกข้อสงสัยที่คนไข้ต้องการทราบอย่างละเอียดอีกด้วย เรียกได้ว่าโรงพยาบาลแห่งนี้มีหมอตรวจภายในที่ชลบุรีที่ได้มาตรฐานเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ศูนย์สูตินรีเวช โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา ปิดท้ายกันด้วยศูนย์สูตินรีเวชที่โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา ที่ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการตรวจภายในและการให้บริการในด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวกับสุภาพสตรีโดยตรง ไม่ว่าจะเป็น การปรึกษาเรื่องการฝากครรภ์ การวางแผนการคุมกำเนิด การผ่าตัดต่างๆ รวมไปถึงมะเร็งนรีเวชโดยคุณหมอที่มีประสบการณ์มายาวนาน และทีมพยาบาลที่พร้อมให้ความช่วยเหลือและดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้ผู้ป่วยหมดกังวลในเรื่องของความปลอดภัยตลอดระยะเวลาการตรวจวินิจฉัยและการรักษาได้เป็นอย่างดี และนี่ก็เป็น 3 โรงพยาบาลที่มีหมอตรวจภายในที่ชลบุรี ที่เราได้นำมารวบรวมและแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกัน หากใครที่กำลังมองหาโปรแกรมตรวจภายในที่ตั้งอยู่ในชลบุรีอยู่ละก็ สามารถดูรายละเอียดต่างๆ ของโรงพยาบาลข้างต้นก่อนได้
แว่นตากรองแสงคอมพิวเตอร์ หนึ่งในตัวช่วยการรักษาสุขภาพดวงตาจากแสงสีฟ้าที่คอยทำร้ายสายตาของเราตลอดเวลา โดยเฉพาะเวลาที่เราต้องทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ก็ยิ่งจะทำให้ดวงตาของเราเมื่อยล้าจากการทำงานที่ใช้สายตา ทั้งนี้ สิ่งสำคัญเลยก็คือการป้องกันดวงตาของเราตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการปรับหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้มีแสงสว่างที่เหมาะสม ไปจนถึงการเลือกแว่นตากรองแสงให้กับตัวเอง ซึ่งการเลือกแว่นตากรองแสงคอมพิวเตอร์นั้นก็ควรที่จะต้องเลือกให้ดี เพื่อถนอมดวงตาของเราเอง วันนี้เราก็เลยจะมาแนะวิธีการเลือกแว่นตากรองแสงคอมพิวเตอร์ให้เหมาะกับตัวเองและสามารถปกป้องดวงตาของเราได้อย่างดี ถ้าพร้อมแล้ว ตามมาดูกันเลย เลือกจากแบรนด์เป็นหลัก ต้องบอกว่าทุกวันนี้แบรนด์ที่ทำแว่นตากรองแสงนั้นมีให้เลือกมากมาย การเลือกจากแบรนด์นั้นก็จะทำให้เรามั่นใจได้ว่าเราจะได้แว่นตากรองแสงคอมพิวเตอร์ที่ได้มาตรฐานและสามารถถนอมดวงตาของเราได้อย่างดี รวมไปถึงได้วัสดุที่มีคุณภาพอีกด้วย ความสามารถในการตัดแสงและป้องกันแสง การเลือกแว่นตากรองแสงคอมพิวเตอร์ที่ดีนั้น ควรที่จะต้องเลือกแว่นตากรองแสงที่สามารถตัดแสงสีฟ้าได้อย่างน้อย 60% เพื่อที่จะช่วยให้สามารถใช้งานได้อย่างสบายตา บางแบรนด์ก็จะมีความสามารถในการตัดแสงอยู่ที่ 30% – 40% – 50% – 60% เป็นต้น แม้ว่าเราจะเลือกเลนส์ตัดแสงสีฟ้าที่มีความสามารถในการตัดแสงสีฟ้าต่ำ ก็อาจจะทำให้เกิดอาการตาล้าได้เมื่อใช้งานไปในระยะเวลานานๆ ซึ่งเลนส์ตัดแสงสีฟ้าที่สามารถกรองแสงได้ถึง 60% นั้น ก็จะช่วยถนอมสายตา ไม่ทำให้เกิดอาการปวดตา และลดความเสี่ยงของอาการเคืองตา เมื่อยตา ปวดกระบอกตา หรือตาไม่สู้แสงในระยะยาวได้อย่างดี เลือกตามประเภทของเลนส์ที่ต้องการ โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีให้เลือกอยู่สองแบบด้วยกัน นั่นคือเลนส์มัลติโค้ทและเลนส์บลูไลท์บล็อก ซึ่งเลนส์มัลติโค้ทนั้นจะเป็นเลนส์ที่สามารถตัดแสงสะท้อนได้ มีการกรองแสงที่สะท้อนเข้าดวงตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นแสงจากคอมพิวเตอร์ แสงธรรมชาติ โดยเฉพาะแสงจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์เพื่อช่วยตัดแสงสีฟ้าออกและทำให้ดวงตาสามารถปรับโฟกัสได้ดียิ่งขึ้น ส่วนเลนส์บลูไลท์บล็อกจะเป็นเลนส์ที่มีคุณสมบัติในการป้องกันแสงสีฟ้าที่สะท้อนออกมาจากคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือเป็นหลัก เพื่อช่วยในการลดอาการปวดตาหรือแสบตาขณะใช้งาน ต้องบอกว่าการเลือกแว่นตากรองแสงนั้น สิ่งที่สำคัญก็คือประเภทของเลนส์ คุณสมบัติในการตัดแสง และรับกับรูปหน้าของเราหรือไม่…
ในปัจจุบันเรื่องการทำศัลยกรรมนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ได้รับการยอมรับในสังคม และถือว่าเป็นเรื่องปกติเลยก็ว่าได้ อีกทั้งการทำศัลยกรรมนั้นไม่เพียงแต่ได้รับความนิยมในต่างประเทศเท่านั้น แต่ในสังคมไทยเองผู้คนก็นิยมทำศัลยกรรมกันมากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นตา จมูก ปาก ผิวหนัง และรวมไปถึงรูปร่างของเราด้วย แต่หนึ่งในการทำศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างมากก็คือการทำศัลยกรรมจมูกนั่นเอง แต่หากพูดถึงการทำจมูกแบบเดิม ๆ หลาย ๆ คนก็คงนึกถึงการผ่าตัดแบบปิด หรือแบบโคลส แต่ในปัจจุบันการทำจมูกนั้นสามารถทำได้ด้วยวิธีแบบโอเพ่น หรือแบบเปิดด้วยเช่นกัน ว่าแต่การเสริมจมูกแบบโอเพ่นกับแบบโคลสนั้นต่างกันอย่างไร? และแบบไหนดีกว่ากัน? หาคำตอบได้ในบทความนี้เลย การเสริมจมูกแบบโอเพ่นต่างกับแบบโคลสอย่างไร? การเสริมจมูกแบบโอเพ่นนั้นจะเป็นการทำจมูกโดยการแก้ไขถึงโครงสร้างของจมูกโดยทำการเปิดจมูกด้านหน้าจากนั้นจึงทำการปรับแต่งทรงตามที่ต้องการ ซึ่งข้อดีก็คือจะทำให้แพทย์เห็นโครงสร้างได้อย่างละเอียด และสามารถแก้ไขของบกพร่องได้อย่างตรงจุด ในขณะที่การทำจมูกแบบปิดนั้นจะเป็นการยัดซิลิโคนเข้าไปเพียงเพื่อให้จมูกดูมีมิติ และมีความโด่งสวยงาม แต่จะไม่ได้เป็นการปรับแต่งทรงจมูกอะไรมากมาย ซึ่งถ้าถามว่าแบบไหนดีกว่ากันนั้นจริง ๆ แล้วก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม และพื้นฐานจมูกของแต่ละบุคคล อ่านมาถึงตรงนี้หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่าแล้วการเสริมจมูกแบบเปิดนั้นจะเหมาะกับเราไหม หรือเราจะเหมาะกับการทำแบบปิดมากกว่า ไปดูกันเลยว่าเราจะเหมาะกับแบบไหนมากกว่ากัน เสริมจมูกแบบโอเพ่นเหมาะกับใคร? เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเรื่องโครงสร้างจมูก หรือมีรูปทรงจมูกไม่เป็นที่พึงพอใจ เหมาะกับผู้ที่ต้องการตกแต่งปลายจมูกด้วยการนำกระดูกอ่อนของส่วนต่าง ๆ มาเสริม เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาแพ้ซิลิโคน หรือซิลิโคนทะลุเนื่องจากสามารถใช้กระดูกอ่อนของตัวเองได้ เหมาะกับผู้ที่มีความกังวลในเรื่องจมูกเบี้ยว เสริมจมูกแบบโคลสเหมาะกับใคร? เหมาะกับผู้ที่โครงสร้างจมูก หรือรูปทรงจมูกดีอยู่แล้ว เหมาะกับผู้ที่ไม่มีปัญหาเรื่องการแพ้ซิลิโคน เหมาะกับผู้ที่ต้องการผ่าตัดแบบใช้เวลาไม่นาน เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการความโด่ง หรือความเชิดของจมูกมาก การจะเลือกเสริมจมูกแบบโอเพ่น หรือแบบโคลสนั้นจริง ๆ…
ทุกวันนี้หากต้องการเป็นคนมีชื่อเสียงหรืออยากทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ วิธีดี ๆ บนโลกออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมาก็คือ การไลฟ์สด ไม่ว่าจะผ่านช่องทางใดก็ตามขอแค่มีคนสนใจก็ช่วยเพิ่มโอกาสดี ๆ ให้เกิดขึ้นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้ว แต่ใช่ว่าทุกคนที่ตัดสินใจไลฟ์สดจะได้รับการตอบรับที่ดีเหมือนกันหมด จึงอยากมาแนะนำวิธีที่จะช่วยให้คุณมีผู้ติดตามสนใจมากขึ้นกว่าเดิม 3 วิธีเด็ด ๆ เพิ่มผู้ติดตามในไลฟ์สดของคุณ แสดงความเป็นตัวเองออกมา ไม่ว่าใครต่างก็ชอบคนจริงใจ หากต้องการให้คนอื่นชอบความที่เป็นตัวเองก็ต้องแสดงสิ่งนั้นออกมา แต่ละคนย่อมมีสไตล์ไม่เหมือนกัน การแสดงตัวตนแท้จริงจะช่วยคัดกรองคนที่สนใจคุณจริง ๆ ให้กลายมาเป็นผู้ติดตามระดับแฟนตัวยงดีกว่าสร้างภาพแล้วมีคนติดตามเยอะแต่เมื่อมันไม่ใช่ตนเองก็รู้สึกอึดอัด พูดคุยสื่อสารกับคนดู เรื่องนี้สำคัญมากต่อให้คุณมีสินค้าหรือพูดเรื่องน่าสนใจขนาดไหนก็ตาม แต่การปฏิสัมพันธ์กับคนดู เช่น อ่านข้อความ ตอบกลับข้อความผ่านไลฟ์จะทำให้คนดูเกิดความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น เป็นการสื่อสาร 2 ทางที่ทำให้ได้ผลตอบรับเบื้องต้นชัดเจนไปเลยว่ามีคนสนใจมากน้อยขนาดไหน สร้างคอนเทนต์ให้น่าสนใจ เป็นปัจจัยที่ต้องคิดมาก่อนไลฟ์สดแล้วว่าต้องการทำคอนเทนต์ประเภทไหนเพื่อให้คนชื่นชอบและเป็นตัวเองมากที่สุด หากไม่มีการวางแผนแล้วทำอะไรสด ๆ ไปหมดทุกอย่างโอกาสพังก็มีสูงไม่น้อย ใครอยากดังจากการไลฟ์สดหรือทำให้สินค้าขายดีขึ้น อย่าลืมนำเอาวิธีเหล่านี้ไปใช้จะช่วยเพิ่มการติดตามให้กับคุณได้อย่างแน่นอน